วัตถุดิบอาหารสัตว์ (Feedstuffs)
วัตถุดิบอาหารสัตว์ (Feedstuffs) หมายถึง สารอาหารใดๆที่ให้โภชนะ ที่สัตว์กินเข้าไปแล้วก่อให้เกิดประโยชน์แก่สัตว์
โดยวัตถุดิบอาจได้มาจากแหล่งธรรมชาติ เช่น พืช, สัตว์ หรือ อาจจะได้จากการสังเคราะห์ทางเคมี เช่น กรดอะมิโน เป็นต้น
ซึ่งวัตถุดิบอาหารสัตว์แต่ละชนิดมีคุณค่าทาง โภชนะและข้อจำกัดในการใช้แตกต่างกันไป
1. จำแนกตามส่วนประกอบทางเคมีในอาหาร แบ่งได้ 6 ประเภท คือ
-
- คาร์โบไฮเดรท เป็นสารอินทรีย์ที่ประกอบด้วยธาตุ C, H และ O เป็นส่วนประกอบประมาณ 3 ใน 4 ส่วน เป็นอาหารที่ให้พลังงานและความร้อน ซึ่งแบ่งตามการย่อยได้ 2 ประเภทคือ
- Nitrogen free extract (NFE) เป็นคาร์โบไฮเดรทที่ย่อยได้ง่าย เช่น ข้าวโพด ข้าวฟ่าง มันสำปะหลัง เป็นต้น
- Crude fiber เป็นคาร์โบไฮเดรทที่ย่อยได้ยาก มีส่วนประกอบของ Cellulose เป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ หญ้า และ ถั่วอาหารสัตว์
- คาร์โบไฮเดรท เป็นสารอินทรีย์ที่ประกอบด้วยธาตุ C, H และ O เป็นส่วนประกอบประมาณ 3 ใน 4 ส่วน เป็นอาหารที่ให้พลังงานและความร้อน ซึ่งแบ่งตามการย่อยได้ 2 ประเภทคือ
-
- โปรตีน เป็นสารอินทรีย์ที่ประกอบด้วยธาตุ C, H, O, N และธาตุอื่นๆอยู่ด้วยเช่น Fe, P เป็นอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต และเป็นแหล่งของกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับสัตว์ อาหารโปรตีนแบ่งได้ 2 พวกคือ
- โปรตีนที่ได้จากพืช เช่น ถั่วต่างๆ, ใบกระถิน เป็นต้น
- โปรตีนที่ได้จากสัตว์ เช่น ปลาป่น, เนื้อป่น, เลือดป่น เป็นต้น
- โปรตีน เป็นสารอินทรีย์ที่ประกอบด้วยธาตุ C, H, O, N และธาตุอื่นๆอยู่ด้วยเช่น Fe, P เป็นอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต และเป็นแหล่งของกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับสัตว์ อาหารโปรตีนแบ่งได้ 2 พวกคือ
-
- ไขมัน เป็นอาหารที่ให้พลังงานเช่นเดียวกับคาร์โบไฮเดรทแต่ไขมันให้พลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรทถึง 2.25 เท่า แหล่งของอาหารไขมันได้แก่
- ไขมันพืช เช่น เมล็ดฝ้าย, เมล็ดถั่วเหลือง,น้ำมันมะพร้าว,น้ำมันปาล์ม,น้ำมันรำข้าว เป็นต้น
- ไขมันสัตว์ เช่น ไขวัว, ไขมันหมู เป็นต้น
****ไขมันใช้ผสมในอาหารสัตว์เพื่อยกระดับพลังงาน เป็นวัตถุดิบอาหารที่จำเป็นสำหรับสุกร ช่วยลดการเป็นฝุ่นในอาหาร ทำให้อาหารอัดเม็ดง่าย เพิ่มความน่ากิน เพิ่มปริมาณกรดไขมันที่จำเป็น แต่มีปัญหาคือทำให้อาหารหืนง่าย และถ้าสุกรได้รับเกิน 5-7 เปอร์เซ็นต์ ของสูตรอาหารอาจทำให้ลักษณะไขมันของซากมีปัญหา
- ไขมัน เป็นอาหารที่ให้พลังงานเช่นเดียวกับคาร์โบไฮเดรทแต่ไขมันให้พลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรทถึง 2.25 เท่า แหล่งของอาหารไขมันได้แก่
-
- แร่ธาตุ เป็นส่วนประกอบสำคัญของโครงสร้างกระดูก และส่วนต่างๆของร่างกาย แร่ธาตุที่เป็นอาหารสัตว์ได้แก่ Na, K, Ca, Mg, P, Cl, I, S, Cr, Mn, Fe, Cu, Zn ซึ่งแร่ธาตุเหล่านี้มาจาก เปลือกหอย, หินปูน, กระดูกป่น, เกลือ เป็นต้น
-
- วิตามิน เป็นอาหารที่จำเป็นสำหรับสัตว์ ช่วยให้การทำงานของร่างกายเป็นไปอย่างสมบูรณ์ แบ่งเป็น 2 ชนิดคือ
- วิตามินที่ละลายในน้ำ ได้แก่ Vitamin B complex, C
- วิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ Vitamin A, D, E และ K
- วิตามิน เป็นอาหารที่จำเป็นสำหรับสัตว์ ช่วยให้การทำงานของร่างกายเป็นไปอย่างสมบูรณ์ แบ่งเป็น 2 ชนิดคือ
-
- น้ำ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับสัตว์มาก ซึ่งหากสัตว์ขาดน้ำมักจะตายก่อนสัตว์ที่อดอาหาร โดยสัตว์ได้รับน้ำ 3 ทางด้วยกันคือ
- จากการดื่มโดยตรง, จากอาหาร และจากขบวนการเมทาบอลิซึมในร่างกาย
- น้ำ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับสัตว์มาก ซึ่งหากสัตว์ขาดน้ำมักจะตายก่อนสัตว์ที่อดอาหาร โดยสัตว์ได้รับน้ำ 3 ทางด้วยกันคือ
2. จำแนกตามจำนวนโภชนะที่ย่อยได้ แบ่งเป็น 2 ชนิดคือ
-
อาหารหยาบ หมายถึง อาหารที่มีความเข้มของโภชนะอยู่ต่ำ มีเยื่อใยในปริมาณสูง ซึ่งได้แก่พืชตระกูลหญ้า และพืชตระกูลถั่วทั่วๆ ไป
การแบ่งอาหารหยาบตามลักษณะคุณภาพของอาหาร แบ่งเป็น 3 ชนิดดังนี้- อาหารหยาบคุณภาพต่ำ (โปรตีนไม่เกิน 5%) ได้แก่ ฟางข้าว หญ้าหลังการเก็บเมล็ด ยอดอ้อย ต้นข้าวโพดหวาน และหญ้าที่มีอายุการตัดเกิน 8 สัปดาห์ขึ้นไป
- อาหารหยาบคุณภาพปานกลาง (โปรตีน 5-7%) ได้แก่ หญ้าชนิดต่างๆที่อายุการตัดไม่เกิน 8 สัปดาห์
- อาหารหยาบคุณภาพดี (โปรตีน 10%ขึ้นไป) ได้แก่ หญ้าชนิดต่างๆที่อายุการตัดไม่เกิน 6 สัปดาห์, เปลือกและไหมข้าวโพด และ ถั่วอาหารสัตว์
การแบ่งอาหารหยาบตามลักษณะของอาหารที่ให้แก่สัตว์
- อาหารหยาบสด (green roughage)เป็นพืชที่มีความชื้นสูงประมาณ 70-85% ได้แก่ พืชที่ตัดสดมาให้สัตว์กิน (soilage) และพืชอาหารสัตว์ในทุ่งที่สัตว์เข้าไปแทะเล็ม (pasture) อาหารหยาบสดประกอบด้วย
- พืชตระกูลหญ้า เช่น หญ้ากินนี, หญ้ารูซี่, หญ้าขน, หญ้าเนเปียร์ ฯลฯ
- พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วฮามาต้า, ถั่วคาวาลเคด, ถั่วเซนโตร ฯลฯ
- พืชชนิดอื่นๆ เช่น ผักตบชวา, ต้นข้าวโพด, ต้นข้าวฟ่าง,ยอดอ้อย ฯลฯ
- อาหารหยาบแห้ง (dry roughage)เป็นพืชอาหารสัตว์ที่ผ่านการลดความชื้น เช่น การตากแดด หรือ การอบความร้อนให้เหลือความชื้นไม่เกิน 15% วัตถุประสงค์คือเพื่อเก็บถนอมอาหารไว้ในยามขาดแคลน เช่น หญ้าแห้ง, ถั่วแห้ง, ฟางข้าว ,เปลือกหรือฟักข้าวโพด เป็นต้น
- อาหารหยาบหมัก (ensile roughage) เป็นพืชอาหารสัตว์ที่นำเข้าสู่กระบวนการหมักในหลุมสภาพไร้อากาศ ซึ่งขบวนการหมักจะเสร็จสมบูรณ์ที่อายุการหมัก 21 วัน และจะมีความชื้นประมาณ 70-75%, pH ประมาณ 4.2
-
อาหารข้น หมายถึง อาหารที่มีความเข้มข้นของโภชนะอยู่สูง มีเปอร์เซ็นต์เยื่อใยอยู่ในปริมาณที่ต่ำ เมื่อสัตว์กินเข้าไปสามารถย่อยได้มาก เมื่อยึดเอาความ แตกตางของคุณค่าทางโภชนะเปนหลักแลว จะจําแนกประเภทของวัตถุดิบอาหารสัตวที่เป็นอาหารข้นออกไดเปน 4 ประเภท
1. วัตถุดิบประเภทแปงและพลังงานสูง (เยื่อใย <18% CF, โปรตีน <20% CP, TDN >70%) วัตถุดิบประเภทนี้เปนวัตถุดิบทที่ให้พลังงานในระดับสูง พลังงานที่ได้จากวัตถุดิบเหล่านี้จะอยูในรูปของคารโบไฮเดรต ที่ใชประโยชนงาย เชน แปงและน้ําตาล หรืออยูในรูปของไขมันซึ่งใหพลังงานสูง วัตถุดิบประเภทนี้มีโปรตีนและเยื่อใยเปน สวนประกอบอยูในระดับต่ํา วัตถุดิบประเภทนี้สวนใหญ ได้แก่ ธัญพืชและผลิตผลพลอยไดของธัญพืช เชน ปลายขาว รํา นอกจากนี้ก็มีมันสําปะหลัง กากน้ําตาล ไขมันและน้ำมัน
2. วัตถุดิบประเภทที่ใหโปรตีนสูง (เยื่อใย <18% CF, โปรตีน >20% CP, TDN <70%) เปนวัตถุดิบที่ใหโปรตีนในระดับสูง (สูงกวารอยละ 20) และสวนใหญเปนโปรตีนที่มีคุณภาพดี มักจะมีระดับกรดอะมิโน ไลซีน เมทไธโอนีน ทรีโอนีนสูง การใชวัตถุดิบประเภทนี้ผสมกับวัตถุดิบประเภทแปงจะชวยทําใหทั้งระดับโปรตีนและระดับกรดอะมิโนที่จําเปนตองมีในอาหารชนิดตาง ๆ ของอาหารผสมสูงขึ้นจนเพียงพอกับความตองการของสัตว วัตถุดิบประเภทที่ใหโปรตีนสูงนี้ แบงออกไดเปน 3 กลุมตามแหลงที่มา ดังนี้
- วัตถุดิบประเภทโปรตีนสูงจากพืช สวนใหญเปนพวกเมล็ดถั่วและพืชน้ำมันตาง ๆ ตลอดจนผลพลอยไดจากการ
สกัดน้ํามันของเมล็ดถั่วและพืชน้ำมันเหลานั้น เชน ถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง ถั่วลิสง กากถั่วลิสง ถั่วดํา กากงา กากเมล็ดฝาย ฯลฯ
- วัตถุดิบประเภทโปรตีนสูงจากสัตว์ เปนวัตถุดิบที่ไดจากสัตว์หรือผลิตผลพลอยไดจากโรงงานฆาสัตว์ หรือ
โรงงานผลิตเนื้อกระป๋อง รวมทั้งนมและผลิตภัณฑนม เชน ปลาปน เนื้อปน เนื้อและกระดูกปน เลือดปน หางนมผง แกลบ
กุง โดยเฉลี่ยทั่วไปแล้ววัตถุดิบกลุมนี้จะมีระดับโปรตีนและคุณภาพโปรตีนดีกวาวัตถุดิบประเภทโปรตีนสูงจากพืช เพราะมี
กรดอะมิโน ไลซีน เมทไธโอนีน และทริปโตเฟนสูง เปนแหลงที่ดีของวิตามินบีตาง ๆ โดยเฉพาะอยางยิ่งวิตามินบี 12 ซึ่ง
ไมมีในวัตถุดิบจากพืช
- สารประกอบไนโตรเจนที่ไมใชโปรตีน เปนวัตถุดิบที่มีไนโตรเจนอยู่ในรูปอื่นที่ไมใชโปรตีนหรือไม่อยู่ในรูปโพลีเปปไทด แตสัตว์สามารถนำไปใชประโยชน์ในการสร้างโปรตีนของรางกายไดไมวาจะโดยทางตรงหรือทางออม วัตถุดิบเหลานี้ไดแก ยูเรีย เกลือแอมโมเนียตาง ๆ และกรดอะมิโนสังเคราะหตาง ๆ
3. วัตถุดิบประเภทเสริมแรธาต การผสมอาหารสัตวมักจะมีการเสริมแรธาตุตาง ๆ ลงไปในอาหารในรูปของหัวแรธาตุประกอบดวยแรธาตุชนิดตาง ๆ ซึ่งสวนใหญสัตวตองการในปริมาณน้อย ยกเวนธาตุแคลเซยมและฟอสฟอรัสซึ่งสัตว์ตองการในปริมาณมากเนื่องจากแรธาตุ ทั้งสองนี้ทําหน้าที่เปนสิ่งประกอบของกระดูกในรางกาย วัตถุดิบทที่ใช้เปนแหลงใหธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสในอาหารสัตว์นั้น แบงออกไดเปน 2 กลุม คือ
(1) วัตถุดิบที่ให้ธาตุแคลเซียมเพียงอยางเดียวไดแก เปลือกหอยปน และหินปูนหรือหินฝุ่น
(2) วัตถุดิบให้ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส ไดแก ไคแคลเซียมฟอสเฟตและกระดูกป่น4. วัตถุดิบประเภทเสริมวิตามิน วัตถุดิบที่ใช้กันอยูทั่วไปมักจะมีวิตามินชนิดต่างๆ อยูแลว แตอาจมีวิตามินบางชนิดไมเพียงพอกับความตองการของสัตว หรือมีอยู่ในสภาพที่สัตว์ไมสามารถใชประโยชนไดอยางเต็มที่ ในทางปฏิบัติจึงมักเสริมวิตามินชนิดนั้น ๆ ในปริมาณตามความตองการของสัตว วิตามินที่แนะนาใหเสริมลงในอาหารไดแก วิตามินเอ ดี อี เค และวิตามินบี อีก 7 ชนิด คือ ไธอามีน ไนอาซิน ไรโบฟลาวิน กรดแพนโทธีนิก ไบโอติน โคลีนและบี 12 วัตถุดิบที่จัดเป็นประเภทเสริมวิตามิน ไดแก น้ํามันตับปลา ซึ่งเปนแหลงของวิตามินเอ ดี อี นอกจากนี้ก็มีวิตามิน สังเคราะห์ชนิดตาง ๆ ทั้งที่เปนวิตามินที่ละลายไดในน้ำและวิตามินที่ละลายไดในไขมัน
- วัตถุดิบประเภทโปรตีนสูงจากพืช สวนใหญเปนพวกเมล็ดถั่วและพืชน้ำมันตาง ๆ ตลอดจนผลพลอยไดจากการ
3. สารเสริมประสิทธิภาพ
-
สารเสริม (feed additives) เปนวัตถุดิบที่ไม่ให้โภชนะ แตเติมลงไปในอาหารสัตวเพื่อช่วยให้สัตวกินอาหารได้ในปริมาณที่มากขึ้น มีการยอยและการดูดซึม ตลอดจนการใชประโยชนของสารอาหารเหลานั้นในร่างกายไดอยางมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทําใหสัตวมีสุขภาพ มีการเจริญเติบโตและมีประสิทธภาพการใชอาหารดีขึ้น สารเสริมจําแนกออกไดเปน 3 กลุมใหญ ๆ คือ
- 1. สารยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย เปนสารที่มีฤทธิ์ในการทําลายหรือยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย โดยเฉพาะอยางยิ่งแบคทีเรียที่คอยแยง โภชนะในทางเดินอาหารของสัตว
- ชวยเรงการทวีจํานวนจุลินทรียที่เปนประโยชนแกสัตวดวย
- ชวยเพิ่มการดูดซึมโภชนะในทางเดินอาหาร ทําใหสัตว์สามารถใชประโยชนจากอาหารได้มากขึ้น
- ช่วยปองกันโรคบางอยางที่อาจเกิดขึ้นกับสัตวดวย
***สารเหลานี้เมื่อใชในระดับต่ํา จะชวยกระตุนการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของสัตว ทั้งนี้ สวนใหญนิยมใชสารยับยั้งการเจริญของจุลินทรียผสมในอาหารสัตวกระเพาะเดี่ยว สวนการผสมในอาหารสัตวเคี้ยวเอื้องนั้นมักจะใชในอาหารลูกสัตวกอนมีการเคี้ยวเอื้อง และในอาหารโคเนื้อ
***อยางไรก็ตามการใช้สารประเภทนี้เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและเพื่อปองกันโรคนั้นมักจะไดผลดีในสัตว์ที่ออนแอหรือสัตวที่อยู่ในสภาวะเครียด และสัตว์ที่อยู่ในระยะกำลังเจริญเติบโต
สารยับยั้งการเจริญของจุลินทรียนี้มี 2 ประเภท คือ- สารปฏิชีวนะ (Antibiotics) เปนสารที่สร้างขึ้นโดยจุลินทรียบางชนิด มีคุณสมบัติในการตอต้านการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย โดยทั่วไปแลวจะผสมสารปฏิชีวนะในอาหารใหสัตวกินเพื่อชวยลดโอกาสที่สัตวจะแสดงอาการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ
- สารเคมโมเธอราพิวติก (Chemotherapeutic agents) เปนสารประกอบอนินทรียหรือสารประกอบอินทรียซึ่งมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรียแตมิไดสรางขึ้นโดยจุลินทรียที่มีชีวิต
- 2. ฮอรโมนและสารที่มีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมน สารเสริมในกลุ่มนี้จะรวมถึงฮอรโมนธรรมชาติฮอรโมนสังเคราะห และสารเคมีที่มีคุณสมบัติคล้ายฮอรโมนคือมีผลตอรางกายสัตว์ เช่น เดียวกับฮอรโมน สารเสริมเหล่านี้ที่ผลิตขายในทองตลาดมีหลายชนิด
- 3. สารเสริมเพื่อจุดประสงคอื่น สารเสริมในกลุ่มนี้มีหลายชนิด แตละชนิดจะใหผลกับสัตวแตกตางกัน เชน ยาถายพยาธิ ยากันเชื้อรา สารปรุงแตงกลิ่นหรือรส
- 1. สารยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย เปนสารที่มีฤทธิ์ในการทําลายหรือยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย โดยเฉพาะอยางยิ่งแบคทีเรียที่คอยแยง โภชนะในทางเดินอาหารของสัตว